1. ทิ้งของไม่จำเป็นและทำความสะอาดก่อน
งบประมาณ: ฟรี
ก่อนอื่นต้องเริ่มด้วยการจัดบ้านให้เป็นระเบียบซะก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเรามีของอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะของที่เราใช้งานจริงๆ
สำหรับการจัดบ้าน เราขอแนะนำวิธีจัดแบบบ้านแบบคมมาริ ซึ่งคิดค้นโดย คนโด มาริเอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดบ้านระดับโลก วิธีนี้ได้ผลดีมากจริงๆ ไม่แน่ว่าจะทำให้บ้านมีของน้อยลงจนกว้างและน่าอยู่กว่าเดิมโดยไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย
2. หลีกเลี่ยงของตกแต่งที่มีลวดลายเยอะ
งบประมาณ: ขึ้นอยู่กับของที่จะโละทิ้งหรือซื้อเพิ่ม
วิธีหนึ่งที่เหมาะสมในการแต่งบ้านเล็กๆ ให้กว้างและน่าอยู่ คือ การแต่งห้องสไตล์มินิมอล ซึ่งก็อาจแบ่งสไตล์ย่อยออกไปตามความชอบของแต่ละคน เช่น สไตล์นอร์ดิก สไตล์มูจิ ฯลฯ
การแต่งห้องสไตล์มินิมอล มีจุดเด่นที่การใช้สีอ่อน และสีกลางๆ ที่เข้าได้กับทุกสีอย่างสีขาวและสีดำ การไม่เน้นลวดลายหรือสีสันที่ฉูดฉาดแบบนี้ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่งสบายตา
จุดหนึ่งที่ควรระวังคือ บรรดาของใช้ต่างๆ ที่มักมีรูปทรงและลวดลายการ์ตูน เช่น หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน กระเป๋า แก้วน้ำ ฯลฯ ถ้าเป็นลายที่ชอบจริงๆ หรือลายไม่เยอะ ก็อาจเก็บไว้ได้ แต่ถ้าลายเยอะขนาดพากันมาทั้ง Marvel Universe ก็อาจต้องเปลี่ยน เพราะถ้าของใช้มีลายที่ไม่เข้ากันหลายๆ ชิ้น ก็จะทำให้หลุดโทน และดูไม่เป็นระเบียบได้
3. สร้างที่ทางให้ของทุกชิ้น
งบประมาณ: ฟรี – หลักพัน
หลังจากเราจัดบ้านและทิ้งของที่ไม่จำเป็นไปแล้ว ถึงเวลากำหนดที่ทางให้ของทุกชิ้น ทุกชิ้นที่ว่า หมายถึงทุกชิ้นจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่คลิปหนีบกระดาษตัวเล็กๆ ซักตัว
ขั้นตอนนี้อาจจำเป็นต้องซื้อกล่องหรือตู้สำหรับเก็บของเพิ่ม แต่ถ้าอ่านวิธีจัดบ้านของคนโดะ มาริเอะ มาแล้ว เธอจะแนะนำให้ทิ้งเพิ่มอีกจนกว่าจะจัดเก็บได้หมด ดังนั้นงบประมาณจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเหลือของในบ้านเท่าไรนั่นเอง
4. เก็บสิ่งของด้วยการแขวนบนผนังหรือประตู
งบประมาณ: หลักสิบ – หลักร้อย
ควรจัดเก็บสิ่งของไว้บนโต๊ะและในที่เก็บให้หมด หลีกเลี่ยงการวางไว้บนพื้น เพราะจะเกะกะ ดักฝุ่นและทำให้เราขี้เกียจกวาดถูบริเวณนั้น ควรเก็บของที่เราใช้งานบ่อยๆ แต่รูปทรงดูเกะกะอย่าง กระเป๋าผ้า ไม้กวาด ไม้ถูพื้น สายยาง ฯลฯ ด้วยการแขวนไว้บนผนัง แต่ถ้าไม่อยากเจาะผนัง ก็ใช้พวกตัวยึดแบบติดกาวก็ได้ แข็งแรงแน่นหนาเหมือนกัน
ตะขอติดผนัง
- ไม่ต้องเจาะผนัง
- มี 4 สี – ฟ้า น้ำเงิน ชมพู เหลือง
- ติดได้ทั้งพื้นผิวไม้ ปูนขัดมัน กระเบื้อง กระจก เหล็ก พลาสติก ฯลฯ
- รับน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม
- กันน้ำ ไม่หลุดง่าย
- หมุนได้ 360 องศา
5. ใช้ต้นไม้ปลอมตกแต่งแทนต้นไม้จริง
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักพัน
ข้อนี้อาจจะฟังดูตลก แต่ถ้าบ้านหรือคอนโดเล็กอยู่แล้ว เราไม่แนะนำให้ปลูกต้นไม้จริงซักเท่าไร เพราะถ้าไม่มีพื้นที่ ไม่มีเวลาแล้ว บอกเลยว่าปลูกให้รอดยากมาก และการปลูกต้นไม้ ก็ต้องตามมาด้วยถุงดิน ถุงปุ๋ย เครื่องมือต่างๆ ทำให้บริเวณนั้นทำความสะอาดยากและต้องหาที่เก็บของกันอีก
ดังนั้น ถ้าเป้าหมายคือการแต่งห้องให้ดูสวยน่าอยู่แล้วละก็ เราแนะนำให้ใช้ต้นไม้ปลอม เพราะไม่ต้องดูแลอะไรเลย และเดี๋ยวนี้ต้นไม้ปลอมที่ดูเหมือนจริงก็มีให้เลือกซื้อมากมายในราคาหลักร้อยเท่านั้น
6. จัดแสงไฟในห้องใหม่
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักพัน
แนะนำให้เพิ่มไฟในห้องให้สว่างขึ้น ถ้าไม่อยากติดไฟเพิ่ม ใช้วิธีเพิ่มวัตต์หลอดไฟเอาก็ได้ แต่ถ้าบางจุดเป็นมุมอับก็อาจต้องใช้โคมไฟแทน และที่แนะนำมากๆ เลยก็คือ ให้เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟสีเหลือง จะช่วยให้บ้านดูสวยขึ้นมาก แต่ถ้ามีงบหน่อยก็เลือกหลอดไฟแบบที่เปลี่ยนสีได้ก็ดีนะ
7. ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักหมื่น
ซ่อมเฟอร์นิเจอร์ที่เริ่มเก่าด้วยวัสดุหลักร้อย เช่น หากโต๊ะอาหารเริ่มเก่าก็อาจปูด้วยผ้าปูโต๊ะสวยๆ หรือใช้สติ๊กเกอร์ลายไม้ ลายหินอ่อน ติดทับไปเลยก็ได้
ส่วนเก้าอี้ทำงานหรือโซฟา ก็ทำให้ดูใหม่ขึ้นได้โดยใช้ผ้าคลุมเก้าอี้และโซฟา ซึ่งก็ราคาหลักร้อยเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าจำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ แนะนำให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีขา เพื่อช่วยให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น และอาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันใช้งานหลากหลาย เช่น โต๊ะที่ขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ โซฟาเบด เก้าอี้พับ ฯลฯ
ชั้นวางของแบบไม่มีบานปิดก็เป็นตัวเลือกที่ดี ช่วยให้บริเวณนั้นไม่ทึบมาก แต่ถ้าไม่สะดวกเช็ดฝุ่นบ่อยๆ หรือมีของเยอะจนไม่เหมาะที่จะตั้งโชว์ ก็ใช้แบบมีบานปิดดีกว่านะ
8. ติดกระจกบนผนัง
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักหมื่น
การติดกระจกบนผนัง หรือวางกระจกตั้งพื้นไว้ ช่วยหลอกตาให้ห้องดูกว้างมากขึ้น
ส่วนการกั้นห้อง บางคนอาจคิดว่าจะทำให้บ้านดูเล็กลง จึงเลือกไม่กั้น แต่ถ้าห้องติดแอร์ เราแนะนำว่าควรกั้นไว้จะดีกว่า เพราะสุดท้ายในระยะยาวอาจเสียค่าไฟมากกว่ากั้นห้องซะอีก ส่วนวัสดุสามารถใช้ได้ทั้งบานเลื่อนกระจกและผนังเบา บานเลื่อนอาจแพงกว่า แต่จะช่วยทำให้บ้านดูโปร่งขึ้นเยอะ
9. ทาสีผนังหรือติดวอลเปเปอร์
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักหมื่น
การทาสีผนังใหม่สามารถทำเองได้ แต่ถ้าผนังห้องไม่สวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น ปูนไม่เรียบ มีรอยแตกเล็กน้อยที่ไม่ใช่ปัญหาโครงสร้าง การติดวอลเปเปอร์ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีลายที่ช่วยพรางตาได้ มีให้เลือกหลายราคาตั้งแต่ม้วนละไม่กี่ร้อยถึงหลักพัน ซึ่งราคารวมก็จะขึ้นอยู่กับพื้นที่บ้านด้วย ส่วนสีที่ใช้ก็ควรเลือกสีอ่อนเป็นหลักเพื่อทำให้บ้านดูสะอาดและสว่าง
10. ปูพื้นใหม่หรือใช้พรมสวยๆ
งบประมาณ: หลักร้อย – หลักหมื่น
พื้นเป็นอีกจุดที่สร้างความแตกต่างได้ ถ้าพื้นเดิมเป็นกระเบื้องและไม่ได้ดูแย่มาก ก็อาจทำแค่ยาแนวใหม่ ไม่ก็หาพรมหรือเสื่อสวยๆ มาปูทับ แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนจริงๆ แนะนำวัสดุกระเบื้องยาง เพราะทำเองได้ไม่ต้องง้อช่าง และปูทับพื้นกระเบื้องเดิมได้ ราคาวัสดุก็ตกอยู่ที่ประมาณ 150-400 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภทของกระเบื้องยาง
ขอบคุณรูปภาพจาก
home-designing.com
