เรซูเม่ (Resume/Résumé) คืออะไร?
เรซูเม่ (Resume/Résumé) คือ ประวัติโดยย่อของบุคคลสำหรับใช้สมัครงาน ประกอบด้วยข้อมูลสำคัญของผู้สมัคร เช่น ชื่อ-นามสกุล ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับงาน ฯลฯ มักมีความยาวประมาณ 1-2 หน้ากระดาษ A4 เรซูเม่ถือเป็นประตูบานแรกที่จะสร้างความประทับใจให้นายจ้าง จึงจำเป็นต้องเขียนให้น่าสนใจและสมบูรณ์ที่สุด
องค์ประกอบของเรซูเม่แบ่งได้เป็น 7 ส่วน ดังนี้
1. ประวัติส่วนตัว (Personal information)
1.1 ชื่อ-นามสกุล
- ชื่อ-นามสกุล ควรอยู่ตำแหน่งที่เห็นชัดเจน
- ใช้ขนาดฟอนต์ใหญ่กว่าข้อความส่วนอื่น
- ใช้สีเข้มที่เห็นชัดเจนแม้ปรินต์ออกมาเป็นสีขาว-ดำ
- ไม่ควรใส่ชื่อเล่นในเรซูเม่
1.2 ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางติดต่ออื่นๆ
- ระวังไม่ให้เขียนอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ผิด
- ใช้ชื่ออีเมลที่เป็นทางการ หากไม่มี ให้สมัครใหม่
- สามารถใส่ URL ของ LinkedIn พอร์ตโฟลิโอ และเว็บไซต์ส่วนตัวได้
1.3 รูปถ่ายสุภาพ
- ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ แต่ต้องแต่งกายสุภาพ
- ขนาดของรูปภาพไม่ควรใหญ่เกินไป
- รูปภาพอาจสร้างอคติในการตัดสินใจแก่ผู้ว่าจ้างได้ หากไม่มีรูปที่เหมาะสมหรือไม่แน่ใจ เราแนะนำว่าไม่ควรใส่จะดีกว่า
2. ตำแหน่งงานที่สมัคร
- ควรใส่ชื่อตำแหน่งงานให้เหมือนใน Job description
- ในกรณีที่ส่งเรซูเม่ไปหลายที่ ควรตรวจเช็กชื่อตำแหน่งงานทุกครั้ง
- ไม่ควรใส่เงินเดือนที่ต้องการในเรซูเม่ ยกเว้นบริษัทแจ้งให้ใส่
3. เกริ่นนำ (Resume introduction)
ส่วนเกริ่นนำ 3- 5 บรรทัดในช่วงต้นของเรซูเม่ช่วยแสดงความน่าสนใจของคุณออกมาอย่างกระชับ เป็นส่วนหนึ่งที่ HR จะดูเป็นอันดับแรกๆ เราสามารถเขียนออกมาได้ 2 รูปแบบดังนี้
3.1 สรุปประเด็นสำคัญของเรซูเม่ (Resume summary)
- หน้าที่และความเชี่ยวชาญในสายงาน เช่น ทำงานเป็นหัวหน้าในสายงานนี้มา 10 ปี
- ทักษะ ความรับผิดชอบและความสำเร็จ เช่น สามารถใช้เครื่องมือ ABC สร้างเพิ่มยอดขาย 200% ภายใน 1 ปี
3.2 จุดประสงค์ในการทำงาน (Career objective)
- หน้าที่และความเชี่ยวชาญในสายงาน
- ประสบการณ์ ประวัติการศึกษา และรางวัลต่างๆ ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในสายงานด้านนี้
- อธิบายว่าจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีช่วยเหลือองค์กรได้อย่างไร
4. ประวัติการทำงาน / กิจกรรมสมัยเรียนที่เคยทำ (Work experience)
เลือกใส่เฉพาะประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร โดยเอาประวัติการทำงานล่าสุดขึ้นก่อน ให้ความสำคัญกับประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องที่สุด ส่วนงานอื่นๆ อาจไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดมากนัก หากจบใหม่และไม่เคยฝึกงาน ให้เลือกกิจกรรมสมัยเรียนที่เกี่ยวข้องกับงานหรือนำมาประยุกต์ได้ สำหรับรายละเอียดที่ควรใส่ มีดังนี้
- ชื่อตำแหน่ง
- ชื่อบริษัท
- ช่วงเวลาที่ทำงาน (ปี เดือน)
- ขอบเขตงานที่ทำและความสำเร็จ 3-5 ข้อ
5. ประวัติการศึกษา (Education)
เริ่มต้นด้วยระดับการศึกษาสูงสุดก่อนแล้วตามด้วยระดับรองลงมา ควรบอกชื่อสถานศึกษา สาขา ระยะเวลาที่เรียน และผลการศึกษา
- ปริญญาเอก
- ปริญญาโท
- ปริญญาตรี (ถ้าได้เกียรตินิยมควรใส่ด้วย)
- ทุนการศึกษาที่ได้รับหรือทุนวิจัยในระดับอุดมศึกษา
6. ทักษะและความสามารถพิเศษ (Skills)
- ควรใส่แต่ทักษะที่น่าจะเกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น
- ทักษะด้านภาษา (ควรบอกระดับ เช่น พอใช้ ดี ดีมาก และถ้ามีคะแนนสอบวัดระดับของภาษานั้นด้วยจะยิ่งดี)
- การใช้โปรแกรมและเครื่องมือในคอมพิวเตอร์ต่างๆ
- การขับรถ
7. ประวัติการเข้าร่วมอบรม รางวัล และ Certificate ต่างๆ
- ควรเรียงจากประวัติล่าสุดก่อน
- ควรเลือกประวัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร
หลักการเขียนเรซูเม่ที่ดี
- เลือก template ที่สวยแต่เรียบง่าย มีเฉพาะองค์ประกอบที่จำเป็น
- เลือกใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย สบายตา สีตัวอักษรเข้มพอที่จะยังอ่านได้ชัดเจน แม้ปรินต์ออกมาแล้วนำไปถ่ายเอกสาร
- เช็กให้ดีว่าไม่มีคำผิดหรือเขียนตกหล่น โดยเฉพาะช่องทางการติดต่อ
- สำหรับเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่แน่ใจว่าเขียนถูกไวยากรณ์หรือไม่ ควรอ้างอิงเค้าโครงจาก template และใช้โปรแกรมด้านภาษาช่วย เช่น ChatGPT หรือ Grammarly
- ควรปรับแต่งเรซูเม่ตามตำแหน่งและบริษัทที่สมัคร ไม่ควรใช้เวอร์ชันเดียวแล้วส่งหว่านไปทั่ว
- พยายามเขียนข้อมูลให้สอดคล้องกับ Job description ของตำแหน่งที่สมัคร
- หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร และอ่านให้ดีๆ ว่าในประกาศรับสมัครต้องการให้เราระบุข้อมูลอะไรลงไปบ้าง เช่น อายุ เงินเดือนที่ต้องการ ใบขับขี่ ฯลฯ
- ส่งเป็นไฟล์ .pdf เท่านั้น และตั้งชื่อไฟล์ให้ชัดเจนและเป็นมืออาชีพ โดยบอกตำแหน่งที่สมัครและชื่อ-นามสกุลของเรา
- เวลาส่งเรซูเม่ ควรแนบจดหมายสมัครงาน (Cover letter) เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมและความตั้งใจ